Last updated: 5 ส.ค. 2567 | 61 จำนวนผู้เข้าชม |
Biohacking คืออะไร?
พูดให้ง่ายที่สุด มันก็คือการ ‘แฮ็ค’ ร่างกายของมนุษย์เรานี่แหละครับ แบบเดียวกับที่เกิดการแฮ็คคอมพิวเตอร์หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งหมายถึงการเข้าไป ‘รบกวน’ การทำงานต่างๆ ของร่างกาย โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ร่างกายของเราทำงานได้แข็งแรงขึ้น เร็วขึ้น และดีขึ้น พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการผลักดันให้มนุษย์ ขึ้นสู่อีกระดับของความเป็นมนุษย์ เป็นการเปลี่ยนรูปแปลงร่างศักยภาพของมนุษย์ให้กลายเป็นอภิมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชื่อ Biohacking จะฟังดูเป็นอะไรที่ซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย เราไม่จำเป็นต้องไปตัดพันธุกรรมหรือทดลองอะไรในห้องทดลอง แต่จะเป็นการทดลองกับตัวเองเป็นหลักนั่นเอง
การทำ Cryotherapy นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพ 2024 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในทางการแพทย์มักจะถูกนำมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด
เปิด 4 วิธีทำ Biohacking
1. โภชนพันธุศาสตร์ (Nutrigenomics)
โภชนพันธุศาสตร์หรือ Nutrigenomics นั้นเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ของ DNA และการตอบสนองแต่ละชนิด แต่หากใครอยากลองทำวิธีนี้ ก็ไม่ต้องเอา DNA ไปตรวจแต่อย่างใด แต่ให้ลองสังเกตว่าร่างกายเราตอบสนองต่อสารอาหารแต่ละชนิดอย่างไร เช่น ดื่มคาเฟอีนแล้วตกบ่ายรู้สึกเพลียๆ ไหม? หรือนอนหลับยากหรือเปล่า? ซึ่งหากเราสามารถแยกแยะได้ว่าร่างกายเราตอบสนองกับสารอาหารประเภทไหนได้ดี ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
2. การบำบัดฟื้นฟูด้วยการใช้ไอเย็น (Cryotherapy)
การทำ Cryotherapy นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพ 2024 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในทางการแพทย์มักจะถูกนำมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด แต่คนที่อยากมีสุขภาพที่ดี ก็สามารถทำ Cryotherapy เพื่อทำให้กล้ามเนื้อยืดและคลายตัวได้ดีขึ้นได้ เช่น เวลาที่เราออกกำลังกายเวทเทรนด์นิ่งมาหนักๆ หากอยากจะฟื้นฟูกล้ามเนื้อและอยากให้กล้ามเนื้อคลาย การบำบัดด้วยการใช้ไอเย็นก็จะเข้าไปลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดอาการตึงอักเสบต่างๆ ได้ ส่งผลให้เราออกกำลังกายได้แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในวงการกีฬาก็ได้มีการนำวิธีการนี้มาใช้เพื่อลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังหนัก ๆ คลายความเมื่อยล้า และช่วยฟื้นฟูได้ดีขึ้น
3. ศาสตร์การบำบัดด้วยเสียง (Sound Healing)
สำหรับการทำ Sound Healing นั้นจะเป็นหลักการการใช้คลื่นความถี่ที่แตกต่างกันมาเพื่อเยียวยาจิตใจ โดยคลื่นบำบัดจะเป็นการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและคลื่นความถี่ที่แตกต่างของสมอง คือ คลื่นเดลตา คลื่นธีตา คลื่นอัลฟา และคลื่นเบตา ซึ่งคลื่นเดลตาและธีตาจะเป็นคลื่นความถี่ต่ำในช่วงเวลาที่เรางัวเงียหรือนอนหลับ ส่วนคลื่นอัลฟาและเบตา จะเป็นคลื่นความถี่สูงในช่วงที่ร่างกายตื่น ซึ่งคลื่นในช่วงที่เรางัวเงีย ก่อนเข้านอน หรือหลับลึก จะเป็นคลื่นที่มีความถี่ต่ำ หมายความว่าเมื่อสมองได้รับคลื่นความถี่ต่ำก็จะทำให้ร่างกายเราผ่อนคลายขึ้นนั่นเอง
ขันหิมาลายัน คริสตัลโบวล์ กลอง หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้เกิดเสียงและคลื่นสั่นสะเทือนเข้าไปกระทบกับร่างกาย ช่วยให้เกิดความสงบ ผ่อนคลาย
4. การฝึกพัฒนาความยืดหยุ่นของโครงสร้างร่างกาย (Mobility Training)
Mobility นั้นมาจากคำว่า Move + Ability ซึ่งถ้าแปลตรงตัว Mobility Training ก็จะแปลว่าความสามารถในการเคลื่อนไหว โดยการฝึกนั้นจะเป็นการเน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือใช้กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่างๆ ให้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ข้อดีก็คือจะทำให้กล้ามเนื้อของเรายืดหยุ่น ป้องกันการบาดเจ็บ และหากฝึกไปเรื่อยๆ จะทำให้เราสามารถออกแรงกล้ามเนื้อได้เต็มที่มากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังเป็นการฝึกให้ระบบประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว และเสมือนเป็นการเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิง:https://easysunday.com/blog/biohacking-2024-health-trend-maximize-body-performance/ Biohacking 2024 เทรนด์สุขภาพ เพื่อพัฒนาร่างกายให้เต็มประสิทธิภาพ
https://www.the101.world/biohacking/ Biohacking คืออะไร เขาทำกันอย่างไร
15 ต.ค. 2567
31 ต.ค. 2567
4 พ.ย. 2567