การผายลมเป็นเรื่องปกติของร่างกาย โดยคนทั่วไปมักผายลมวันละประมาณ 5–15 ครั้ง การมีแก๊สในระบบทางเดินอาหารถือเป็นสัญญาณว่าร่างกายและลำไส้ทำงานปกติ แต่บางครั้งปริมาณแก๊สมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัด การเข้าใจสาเหตุและวิธีจัดการกับแก๊สเหล่านี้จะช่วยให้สุขภาพทางเดินอาหารดีขึ้น
อาหาร 8 ชนิดที่มักทำให้เกิดแก๊ส
- อาหารไขมันสูงอาหารที่มีไขมันสูงทำให้ระบบย่อยทำงานช้าลง เนื้อสัตว์ไขมันสูงมีกรดอะมิโนเมไทโอนีน ซึ่งมีส่วนประกอบของกำมะถัน แบคทีเรียในลำไส้ย่อยออกมาเป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
- ถั่วและพืชตระกูลมีไฟเบอร์และน้ำตาลราฟฟิโนสที่ร่างกายย่อยยาก ทำให้แบคทีเรียในลำไส้สร้างแก๊ส ไฮโดรเจน มีเทน และกำมะถัน
- ไข่ไข่มีเมไทโอนีนเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ หากกินร่วมกับอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สอื่น ๆ อาจทำให้ผายลมมีกลิ่นแรง
- หัวหอมและพืชตระกูลฟรุคแทนหัวหอม กระเทียม ต้นหอม และอาร์ติโชก มีฟรุคแทน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยยาก ทำให้เกิดแก๊สและท้องอืด
- ผลิตภัณฑ์นมแลคโตสในนมวัวและนมแพะอาจทำให้เกิดแก๊สและท้องอืด โดยเฉพาะผู้ที่แพ้แลคโตส
- ข้าวสาลีและธัญพืชไม่ขัดสีมีไฟเบอร์และฟรุคแทนสูง รวมถึงกลูเตน หากแพ้กลูเตนอาจท้องอืดและเฟ้อ
- บร็อคโคลี กะหล่ำปลี และผักตระกูลกะหล่ำมีไฟเบอร์และกำมะถันสูง แบคทีเรียในลำไส้ย่อยไฟเบอร์เหล่านี้ ทำให้เกิดแก๊ส
- ผลไม้บางชนิดแอปเปิล มะม่วง ลูกแพร์ มีฟรุกโตสสูงและไฟเบอร์ ซึ่งบางคนอาจย่อยฟรุกโตสได้ไม่ดี ทำให้เกิดแก๊ส
ควรกังวลเมื่อใด
โดยส่วนใหญ่ แก๊สในลำไส้ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพ แต่หากเกิดแก๊สมากผิดปกติ ท้องอืดหรือมีกลิ่นแรงติดต่อกัน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคพื้นฐานหรือผลข้างเคียงจากยา
ข้อมูล : BBC ไทย เรื่อง มารู้จักอาหาร 8 ชนิดที่ทำให้คุณผายลม และผายลมบ่อยแค่ไหน กลิ่นเป็นอย่างไร จึงน่ากังวล ?